อินเดียเพิ่งเปิดให้ประมูลใบอนุญาต 3G ไปเมื่อวันที่ 9 เมษายนที่ผ่านมา อินเดียถือเป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตของผู้ใช้บริการรวดเร็วที่สุดโลก โดยแต่ละเดือนจะมีผู้ใช้เพิ่มขึ้นราว 20 ล้านราย จึงไม่แปลกที่ราคาของใบอนุญาตที่ครอบคลุมทั่วประเทศจะไต่ระดับขึ้นไปสูงถึงใบละ 1,300 ล้านเหรียญสหรัฐแล้ว (ข้อมูล ณ วันที่ 19 เมษายน ซึ่งเป็นวันที่ 7 ของการประมูล ผ่านมาแล้ว 40 รอบ) ไม่รู้จะไปจบกันที่เท่าไหร่
ที่มา - Mobile Business Briefing
ขออนุญาตให้ข้อมูลเพิ่มเติมเสริมความเข้าใจ เพื่อเพิ่มอรรถรสในการอ่านนะครับ
อินเดีย
มีโทรศัพท์เคลื่อนที่ประมาณ 585 ล้านเบอร์ จากจำนวนประชากรราว 1,180 ล้านคน คิดเป็นเพียง 50% ของจำนวนประชากร (ซึ่งจริงๆ แล้ว 1 คนอาจถือมากกว่า 1 เครื่อง/เบอร์ก็ได้!) หมายความว่ามีโอกาสโตได้อีกเยอะ (เทียบกับไทยที่ประชากร 63.5 ล้านแต่ตอนนี้ตัวเลขทะลุ 100% แล้ว)
ตัวเลข 585 ล้านนี่เยอะกว่ายุโรปตะวันตกทั้งภูมิภาคซะอีก! จริงๆ ถ้าเรามองอินเดียเป็นทวีป (ไม่ใช่ประเทศ) ก็จะเข้าใจได้ง่ายขึ้นเพราะอินเดียเองก็แบ่งเขตการให้บริการโทรคมนาคมออกเป็น 23 พื้นที่ตามสภาพเศรษฐกิจ (มี A, B, C Circles กับอีก 4 หัวเมืองใหญ่) การให้ใบอนุญาตก็เป็นใบอนุญาตระดับพื้นที่ (Regional Licenses) ถ้าต้องการครอบคลุมทั่วประเทศก็ต้องประมูลให้ได้ทุกๆ พื้นที่ ปัจจุบันมีผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ 17 ราย แต่มีผู้เข้าร่วมประมูลครั้งนี้เพียง 9 ราย ที่น่าสนใจคือรัฐบาลอินเดียประมูล 3G ไปพร้อมๆ กับ Broadband Wireless Access หรือ BWA ซึ่งโดยทั่วไปแล้วหมายถึง WiMAX โดยมีผู้เข้าร่วมประมูลใบอนุญาต BWA 11 ราย
ที่ราคาขึ้นไปสูงก็ไม่น่าแปลกใจเพราะถ้าดูจากความใหญ่โตด้านประชากรของอินเดียแล้ว ผู้ประกอบการยังมีโอกาสทำเงินได้อีกมาก รายได้โดยเฉลี่ยนั้นยังคงมาจาก voice ถึง 90% ไม่ใช่การส่งข้อมูล จริงๆ สิ่งที่ผู้ประกอบการอยากได้ไม่ใช่ 3G แต่ต้องการคลื่นความถี่เพิ่มเพราะของเดิมใช้กันอย่างกระเบียดกระเสียนจวนเจียนจริงๆ แต่ความถี่ที่จะประมูลใหม่นั้นก็ไม่ได้มีมากมาย เพราะพื้นที่ส่วนใหญ่ในประเทศจะมีให้ประมูลแค่ 3 สล๊อต (2x5 MHz) นั่นหมายความว่าแต่ละคนจะได้ไปคนละสล๊อตเท่านั้น ในขณะที่ในยุโรปส่วนใหญ่ได้ไปเจ้าละ 3-4 สล๊อต
จริงๆ แล้วอินเดียก็มี 3G แล้วแม้ยังไม่ประมูล โดยรัฐบาลจัดสรรคลื่นความถี่ให้กับผู้ประกอบการของรัฐ BSNL กับ MTNL ไปก่อนคนละสล๊อต เพื่อเปิดให้บริการ 3G ไปตั้งแต่ปีที่แล้ว (คล้ายประเทศไทยมาก) โดยมีเงื่อนไขว่าเมื่อเปิดประมูลกันจริงๆ BSNL กับ MTNL ต้องจ่ายค่าใบอนุญาตเท่ากับราคาที่คนอื่นเค้าประมูลมาเพื่อความเท่าเทียม แต่ที่ผ่านมาทั้งสองเจ้ายังไม่สามารถนำบริการ 3G มาใช้ให้เิกิดประโยชน์สมกับที่ได้มาก่อนเจ้าอื่น (อันนี้ก็คล้ายอีก)
ไทย
ประเทศไทยมี 3G แล้วครับ (แต่ไม่ได้มีทุกที่และตามมาด้วยเงื่อนไขร้อยแปด)
ฮัทช์ และ แคทเทเลคอม สองเจ้านี้ให้บริการ 3G โดยใช้เทคโนโลยี CDMA2000 1xEVDO มาหลายปีแล้วซึ่งในทางเทคนิคถือว่าเป็นเทคโนโลยีโทรศัพท์เคลื่อนที่ในยุคที่ 3 เรียบร้อยแล้ว เสียดายที่เครื่อง GSM ทั่วไปใช้ไม่ได้
ทีโอทีหลังจากเข้าซื้อหุ้นกิจการร่วมไทยโมบายจากแคท ก็เิปิดให้บริการ 3G ในย่าน 2.1 GHz (ซึ่งเป็นย่านหลักใช้ได้กับมือถือเกือบทุกเครื่อง ที่อินเดียประมูลก็ประมูลย่านนี้กัน) ไปตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว
เอไอเอสก็เปิดให้บริการ 3G ในย่าน 900 MHz ในบางพื้นที่เช่นเชียงใหม่ ชลบุรี เป็นต้น รองรับในโทรศัพท์บางรุ่นเท่านั้น
ทรูมูฟ กับ ดีแทค สองเจ้านี้ได้ความถี่ย่าน 850 MHz ย่านเดียวกับ ฮัทช์ และ แคทนั่นแหละมาสำหรับ "ทดลองทดสอบ" การให้บริการ 3G ใช้ได้กับโทรศัพท์บางรุ่นเท่านั้น
ที่น่าละเหี่ยใจก็คือ เมื่อปีที่แล้วไทยกับอินเดียก็เปิดประชาพิจารณ์การออกใบอนุญาต 3G ในเวลาไล่เลี่ยกัน หลังจากนั้นอินเดียก็ประกาศเลื่อนการประมูลมานับครั้งไม่ถ้วนแต่ในที่สุดก็เริ่มประมูลกันแล้ว ของไทยไม่เคยเลื่อนเลย... อยู่ตรงไหนก็อยู่ตรงนั้น..
No comments:
Post a Comment