นายระเฑียร ศรีมงคล โฆษกคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัท ทีโอที เปิดเผยว่า บอร์ดทั้งชุด ที่มี นายธีรวุฒิ บุญยโสภณ เป็นประธาน พร้อมลาออกหากโครงการ 3จี เฟสแรก จำนวน 500 สถานีฐาน มูลค่า 2,000 ล้านบาท ไม่สามารถเสร็จทันวันที่ 5 ธ.ค.นี้ รวมทั้งจะปลดผู้บริหารที่รับผิดชอบโครงการนี้ทั้งหมดด้วย
โครงการดังกล่าวเป็นการนำร่องโครงการ 3จี มูลค่า 2.9 หมื่นล้านบาท ทั่วประเทศจำนวน 4,300 สถานี ซึ่งเป็นการอัพเกรดจากโครงข่าย 1900 เมกะเฮิรตซ์ ของทีโอทีที่มีอยู่เดิม และการเปิดให้บริการครั้งนี้ จะมีทั้งทีโอทีเป็นผู้ให้บริการเอง และเปิดให้เช่าใช้โครงข่าย (เอ็มวีเอ็นโอ) ซึ่งการให้บริการ จะเน้นไปที่วอยซ์ และการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต เป็นหลัก
นายระเฑียร กล่าวว่า การ อัพเกรดโครงข่ายครั้งนี้ ได้ใช้ โครงข่ายในกทม. ของบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือเอไอเอส โดยเฉพาะภายในอาคาร ในฐานะที่เป็นคู่สัญญาของ ทีโอที ซึ่งถือเป็นหนึ่งในความ ร่วมมือการรวมธุรกิจ หรือฟิกซ์- โมบาย คอนเวอร์เจนซ์ สำหรับโครงข่ายของเอไอเอสหากหมดอายุสัญญาสัมปทานภายใน 7 ปี หลังจากนี้โครงข่ายทั้งหมดก็จะกลายเป็นของทีโอทีตามสัญญาข้อตกลง BTO (Build-Transfer-Operate) ซึ่งหมายถึงเอกชนเป็นผู้ลงทุนสร้างเครือข่ายพร้อมกับโอนกรรมสิทธิ์อุปกรณ์เครือข่ายเหล่านั้นให้แก่หน่วยงานเจ้าของสัมปทานและให้คู่สัญญายังคงมีสิทธิการเข้าใช้
สำหรับเฟสแรกจำนวน 500 สถานีฐานนั้น สามารถรองรับผู้ใช้บริการได้ 5 แสนราย ขณะที่โครงการ 3จี ทั่วประเทศรองรับได้ 5 ล้านราย
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. เป็นต้นไป ทีโอทีจะปิดระบบของไทยโมบาย เพื่อให้การอัพเกรดโครงข่ายทำได้สะดวก และจะโอนลูกค้าปัจจุบันที่มีอยู่ 1 หมื่นราย ไปที่ ระบบของเอไอเอส ก่อนจะโอน กลับมาเป็นระบบ 3จี เมื่อทีโอทีติดตั้งโครงข่ายเสร็จแล้ว รวมทั้งยัง เปิดให้ผู้ให้บริการมือถือทุกรายสามารถโรมมิง เครือข่าย 3จี ขณะนี้อยู่ระหว่างการสรุปว่าจะเลือก โรมมิงกับรายใด
source: โพสต์ทูเดย์, ผู้จัดการ
No comments:
Post a Comment