วันที่ 18 พฤษภาคม 2553 - การประมูลคลื่นความถี่ 3G ในอินเดียดำเนินมาถึงวันที่ 33 มีการประมูลผ่านไปแล้ว 180 รอบ ใบอนุญาตที่แพงที่สุดคือใบอนุญาตของ Delhi ซึ่งราคาพุ่งถึงใบละ 25,028 ล้านบาทต่อความถี่ 5 MHz หนึ่งคู่ หรือ INR 3,284 crore (อัตราแลกเปลี่ยนธนาคารแห่งประเทศไทย ณ วันที่ 18 พฤษภาคม 2553: 1 รูปี = 0.7621 บาท) แต่ถ้าใครต้องการให้บริการครอบคลุมทั่วทั้งประเทศแล้วละก็ จะต้องจ่ายเงินอย่างน้อย 126,616 ล้านบาท หรือ INR 16,614 crore เพื่อประมูลความถี่จากทั้ง 22 พื้นที่ให้บริการ การประมูลยังคงดำเนินต่อไป ราคาสุดท้ายจะจบที่เท่าไหร่ยังไม่มีใครรู้
การประมูลครั้งนี้เริ่มขึ้นวันที่ 9 เมษายน 2553 ที่ผ่านมาหลังจากที่ได้มีการเลื่อนการประมูลมาครั้งแล้วครั้งเล่า จากที่กำหนดไว้ตอนแรกวันที่ 16 มกราคม 2552 ล่าสุดกรมโทรคมนาคม (DoT) กระทรวงสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศของอินเดียได้ออก Information Memorandum ฉบับแก้ไข เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2552 ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับการประมูลคลื่นความถี่ 3G และ BWA และได้มีการแก้ไขกรอบเวลาอีกเล็กน้อยหลังจากนั้นเพื่อเดินหน้าสู่การประมูล
วันที่ 16 - 19 มีนาคม 2553 เปิดรับใบสมัคร มีผู้สมัครประมูล 3G 9 รายและผู้สมัครประมูล BWA 11 ราย การประมูล 3G จะถูกจัดขึ้นก่อน ส่วนการประมูล BWA จะถูกจัดขึ้นหลังจากเสร็จสิ้นการประมูล 3G ไปแล้ว 2 วัน ที่น่าสนใจคือผู้ที่เข้าร่วมประมูลมีแต่ผู้ประกอบการรายเดิมทั้งสิ้น อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการรายเดิมบางรายเช่น Uninor ของ Telenor กลับไม่ได้ยื่นใบสมัครเพื่อเข้าร่วมการประมูล ผู้ประกอบการต่างชาติเช่น AT&T จากอเมริกา หรือ Telstra จากออสเตรเลียก็ไม่ได้เข้าร่วมอย่างที่เคยได้มีการคาดการณ์กันไว้ ส่วนผู้สมัครที่เข้าร่วมประมูลใบอนุญาตทั้ง 3G และ BWA คือ Aircel, Bharti, Reliance, Vodafone, Tataและ Idea
วันที่ 3 เมษายน 2553 ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์เข้าร่วมประมูล หลังจากที่ผู้สมัครทั้งหมดผ่านการคัดเลือกเบื้องต้น (pre-qualification) โดยมีคะแนนดังนี้
ผู้มีสิทธิ์ร่วมประมูล 3G
S.No. | Name of Bidder | Earnest Money Deposit (INR crore) | Initial Eligibility Points |
1 | Aircel Limited | 505.00 | 350 |
2 | Bharti Airtel Limited | 505.00 | 350 |
3 | Etisalat DB Telecom Private Limited | 427.50 | 311 |
4 | Idea Cellular Limited | 505.00 | 350 |
5 | Reliance Telecom Limited | 505.00 | 350 |
6 | S Tel Private Limited | 37.50 | 18 |
7 | Tata Teleservices Limited | 505.00 | 350 |
8 | Videocon Telecommunications Limited | 20.00 | 12 |
9 | Vodafone Essar Limited | 505.00 | 350 |
ผู้มีสิทธิ์ร่วมประมูล BWA
S.No. | Name of Bidder | Earnest Money Deposit (INR crore) | Initial Eligibility Points |
1 | Aircel Limited | 252.50 | 350 |
2 | Augere (Mauritius) Limited | 67.50 | 102 |
3 | Bharti Airtel Limited | 252.50 | 350 |
4 | Idea Cellular Limited | 252.50 | 350 |
5 | Infotel Broadband Services Private Limited | 252.50 | 350 |
6 | Qualcomm Incorporated | 252.50 | 350 |
7 | Reliance WiMax Limited | 252.50 | 350 |
8 | Spice Internet Service Provider Private Limited | 42.50 | 64 |
9 | Tata Communications Internet Services Limited | 252.50 | 350 |
10 | Tikona Digital Networks Private Limited | 161.25 | 248 |
11 | Vodafone Essar Limited | 252.50 | 350 |
วันที่ 5 - 6 เมษายน 2553 จัดการประมูลจำลอง (mock auction) สำหรับผู้ที่มีสิทธิ์เข้าร่วมประมูล
วันที่ 9 เมษายน 2553 เปิดประมูลวันแรก โดยขอสรุปรายละเอียดหลักที่น่าสนใจดังนี้
- ผู้เข้าร่วมประมูล 3G ต้อง
- ถือใบอนุญาต Universal Access Service (UAS) หรือ Cellular Mobile Telephone Service (CMTS), หรือ
- เป็นบริษัทที่มีประสบการณ์ให้บริการ 3G โดยตรงหรือถือหุ้นใหญ่ในบริษัทที่ให้บริการ และกำลังขอ UAS ผ่านบริษัทนอมินีรายใหม่ ทั้งนี้ตามประกาศของ DoT
- ผู้เข้าร่วมประมูล BWA ต้อง
- ถือใบอนุญาต Universal Access Service (UAS) หรือ Cellular Mobile Telephone Service (CMTS), หรือ
- ถือใบอนุญาตผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP), หรือ
- เป็นบริษัทที่กำลังขอใบอนุญาต UAS หรือใบอนุญาต ISP ผ่านบริษัทนอมินีรายใหม่ ทั้งนี้ตามประกาศของ DoT
- การประมูลใบอนุญาตแบ่งเป็น 22 พื้นที่ (Circles) ตามศักยภาพของตลาดแบ่งเป็น 4 กลุ่มดังนี้
- Metros: Delhi, Kolkata, และ Mumbai
- A Circles: Andra Pradesh, Gujarat, Karnataka, Maharashtra, และ Tamil Nadu (ซึ่งเพิ่งรวม Chennai ซึ่งเคยเป็น Metro เข้าไป)
- B Circles: Haryana, Madhya Pradesh, Punjab, Rajasthan, Uttar Pradesh (E), Uttar Pradesh (W), West Bengal, และ Kerala
- C Circles: Assam, Bihar, Himachal Pradesh, Jammu & Kashmir, North East India, และ Orissa
- คลื่นความถี่ที่จะประมูลคือ
- 2.1 GHz สำหรับ 3G/WCDMA (2x5MHz blocks)
- เปิดประมูล 3 blocks ใน 17 พื้นที่
- เปิดประมูล 4 blocks ใน 5 พื้นที่ (Himachal Pradesh, Bihar, Jammu & Kashmir, West Bengal, และ Punjab)
- block พิเศษอีก 1 block ได้ถูกจัดสรรให้ MTNL (Delhi และ Mumbai) กับ BSNL (ในพื้นที่ที่เหลือ) ไปก่อนหน้านี้แล้วโดยทั้งสองรายต้องจ่ายค่าคลื่นความถี่เท่ากับราคาสุดท้ายของการประมูล
- 2.3 GHz สำหรับ BWA/WiMAX (20MHz blocks)
- เปิดประมูล 2 blocks ในแต่ละพื้นที่
- block พิเศษอีก 1 block จะถูกจัดสรรให้ MTNL (Delhi และ Mumbai) กับ BSNL (ในพื้นที่ที่เหลือ)
- การประมูลใช้วิธี Simultaneous Multiple Round Ascending (SMR-A) คือการประมูลแบ่งเป็นรอบๆ แต่ละรอบจะประมูลทุก block พร้อมๆ กัน เมื่อจบการประมูลแต่ละรอบจะได้ผู้ชนะชั่วคราว (provisional winners) ถ้าจำนวนผู้ชนะชั่วคราวสูงกว่าจำนวนคลื่นความถี่ที่สามารถจัดสรรได้ ก็จะมีการประมูลรอบต่อไป และราคาจะถูกปรับขึ้น
- ผู้เข้าร่วมประมูลแต่ละคนสามารถประมูลได้เพียง 1 block ในแต่ละพื้นที่เท่านั้น
- ผู้ชนะการประมูล 3G จะได้รับการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ได้ัวันที่ 1 กันยายน 2553 ในขณะที่ผู้ชนะการประมูบ BWA สามารถใช้คลื่นความถี่ได้ทันที โดยใบอนุญาตมีอายุ 20 ปี
นักวิเคราะห์จาก Ernst & Young กล่าวว่า เงื่อนไขที่กำหนดให้ผู้ประมูลต้องมีใบอนุญาต UAS ก่อน เป็นสาเหตุให้ผู้เล่นต่างชาติรายใหม่ถอดใจจากการประมูล 3G เนื่องจากต้องจ่ายค่าใบอนุญาตสูงถึง ราว 12,760 ล้านบาท (INR 1,650 crore) ซึ่งถือเป็นภาระนอกเหนือจากที่ต้องจ่ายค่าใบอนุญาต นอกจากนี้ทรัพยากรคลื่นความถี่ที่มีอยู่อย่างจำกัดโดยพื้นที่ส่วนใหญ่มีเพียง 2x15 MHz หรือ 3 blocks เท่านั้นทำให้เกิดการแข่งขันสูง เมื่อเทียบกับจำนวนผู้ร่วมประมูลที่มีถึง 9 ราย ยิ่งถ้าต้องการให้บริการแบบครอบคลุมทั่วประเทศด้วยแล้วจำเป็นต้องประมูลคลื่นความถี่ให้ครบทั้ง 22 พื้นที่ ทำให้ในพื้นที่ที่มีการแข่งขันสูงอยู่แล้วเช่น Delhi และ Mumbai ยิ่งมีการแข่งขันที่สูงขึ้นไปอีก ส่งผลให้ราคาใบอนุญาตสูงมากอย่างที่เห็น
การจำกัดให้ประมูลได้เีีพียงรายละ 2x5 MHz หรือ 1 block ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการ monopoly คลื่นความถี่ แต่ประเด็นนี้ก็สร้างปัญหาในการให้บริการ Kunal Bajaj จาก BDA Connect บอกว่า "นี่เป็นเพียง 1/3 หรือ 1/4 ของขนาดที่ได้รับการจัดสรรในยุโรป" คลื่นความถี่ที่มีจำกัดทำให้ความสามารถในการรองรับทั้งจำนวนลูกค้าและปริมาณการใช้งานโดยเฉพาะอย่างยิ่ง data มีจำกัดไปด้วย โดยทั่วไปแล้วผู้ประกอบการ 3G ในประเทศอื่นๆ ให้บริการที่ 2x15 MHz โดยเฉลี่ยหรืออย่างต่ำไม่น้อยกว่า 2x10 MHz
อินเดียเป็นตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ใหญ่เป็นอันดับสองในโลกและคาดว่าจะแซงหน้าจีนภายในอีกไม่กี่ปีนี้ ปัจจุบันอินเดียมีประชากรราว 1,180 ล้านคน โดยมีผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ราว 585 ล้านราย (จีน: 756 ล้านราย) หรือราว 50% penetration ที่น่าสนใจคืออินเดียมีอัตราผู้ใช้บริการใหม่สูงที่สุดในโลก เฉลี่ยตกเดือนละ 20 ล้านราย (ข้อมูลไตรมาสแรกปี 2010, จีน: 10 ล้านรายต่อเดือน) ประชากร 75% ของอินเดียเลี้ยงชีพด้วยเงินต่ำกว่าวันละ US $2 โดยมีประชากรราว 200 ล้านคนจัดว่าอยู่ "ใต้เส้นความยากจน" (below poverty line) อุตสาหกรรมโทรศัพท์เคลื่อนที่มีรายได้เฉลี่ยต่อเบอร์ต่อเดือน (Average Revenue Per User, ARPU) อยู่ที่ราว US $5 ซึ่งมาจากบริการทางเสียงเป็นส่วนใหญ่ ผู้ประกอบการคาดว่า ARPU สำหรับบริการ 3G จะอยู่ที่ US $11 แต่จากสภาพโครงสร้างทางเศรษฐกิจและสังคมของอินเดียผู้ประกอบการส่วนใหญ่ก็ไม่ได้หวังว่าผู้ใช้จะหันมาใช้บริการ data กันมากมาย ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ต้องการคลื่นความถี่เพิ่มเพื่อรองรับการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่มีปัญหาความถี่ไม่พออยู่ในปัจจุบันมากกว่า
BSNL กับ MTNL ผู้ให้บริการสองรายของรัฐได้เปิดให้บริการ 3G ไปก่อนตั้งแต่เมื่อต้นปี 2552 โดยได้รับคลื่นความถี่รายละ 2x5 MHz ทำให้เราได้เห็นการตอบรับของตลาดที่เป็นไปอย่างเชื่องช้า MTNL ให้บริการเป็นรายแรกในอินเดียที่ Delhi และ Mumbai ซึ่งเป็นสองหัวเมืองใหญ่ ส่วน BSNL ให้บริการในอีก 20 พื้นที่ที่เหลือ
No comments:
Post a Comment